ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ (17 ก.พ.) โดยปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่เข้าทดสอบเมื่อต้นสัปดาห์ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดร่วงลง ท่ามกลางความวิตกที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปเป็นเวลานานกว่าที่คาดกันไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 464.30 จุด ลดลง 0.94 จุด หรือ -0.20%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,347.72 จุด ลดลง 18.44 จุด หรือ -0.25%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,482.00 จุด ลดลง 51.64 จุด หรือ -0.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,004.36 จุด ลดลง 8.17 จุด หรือ -0.10%
ดัชนี STOXX 600 ปิดลดลง หลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีในวันพฤหัสบดีซึ่งได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบลูชิพของฝรั่งเศส-
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.ที่สูงเกินคาดนั้น ได้เพิ่มความวิตกว่า เฟดอาจเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
โกลด์แมน แซคส์และแบงก์ ออฟ อเมริกาคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ครั้งละ 0.25% เมื่อพิจารณาจากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
หุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาดร่วงลง 1.9% หลังราคาน้ำมันดิบลดลงจากความวิตกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐจะทำให้อุปสงค์น้ำมันลดลง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงด้วย 1.7%
แต่หุ้นกลุ่มปลอดภัยได้ช่วยพยุงตลาด โดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์, กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มเทเลคอม ปรับตัวขึ้นราว 0.6%-0.8%
ตลาดยังถูกกดดันหลังเยอรมนีเปิดเผยดัชนี PPI เพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนม.ค. แม้อัตราการเพิ่มขึ้นชะลอลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 1.4% เมื่อเทียบรายสัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน, แนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนที่ดีขึ้น และหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศของจีน
ฟรองซัวส์ วิลเลรอย เดอ กาลโฮ ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุในวันศุกร์ว่า อัตราดอกเบี้ยของ ECB มีแนวโน้มแตะระดับสูงสุดในช่วงฤดูร้อน และ ECB ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้
หุ้นเมอร์ซีเดส-เบนซ์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.8% สวนทางตลาด หลังเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสสูงกว่าคาด แม้เตือนว่าผลประกอบการอาจลดลงในปีนี้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนก็ตาม