ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (21 ก.พ.) หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งได้กระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวขึ้นต่อไป แต่หุ้นเอชเอสบีซีทะยานขึ้นสวนทางตลาดหลังการเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสพุ่งขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 463.77 จุด ลดลง 0.87 จุด หรือ -0.19%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,308.65 จุด ลดลง 26.96 จุด หรือ -0.37%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,397.62 จุด ลดลง 79.93 จุด หรือ -0.52% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,977.75 จุด ลดลง 36.56 จุด หรือ -0.46%
ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดันหลังข้อมูลบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสและเยอรมนีปรับตัวขึ้น ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของยูโรโซนบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจขยายตัว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นของยูโรโซนปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังจากกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกนั้น ดีดตัวขึ้นเกินคาดในเดือนก.พ.
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนี (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.2 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 46.8 ในเดือนม.ค.
ดัชนี PMI อยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐมีการขยายตัว หลังจากหดตัวติดต่อกัน 7 เดือน
โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ สู่ระดับ 3.5% จาก 3.25% ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
บรรดานักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมาของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อที่ร้อนแรงเกินคาดของสหรัฐได้เพิ่มความวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
แต่หุ้นเอชเอสบีซี ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของยุโรป พุ่งขึ้น 4.3% สวนทางตลาด หลังรายงานผลกำไรรายไตรมาสพุ่งขึ้น 92% และยืนยันที่จะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น รวมถึงการซื้อหุ้นคืน
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร ปรับตัวขึ้น 0.8% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2561
นอกจากนี้ หุ้นเอ็นจี ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงานของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 4.38% หลังรายงานผลกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติและพลังงานเพิ่มขึ้น หลังจากรัสเซียบุกโจมตียูเครน
หุ้นเอ็นจีหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคของยุโรป ปรับตัวขึ้น 0.7% และปรับตัวขึ้นมากที่สุดในตลาด
ส่วนดัชนี STOXX 600 ดีดตัวขึ้นมากกว่า 9.2% แล้วในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากภาวะอากาศและแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น รวมทั้งได้แรงหนุนจากการที่จีนเปิดประเทศด้วย