ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (22 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงถูกปรับขึ้นเป็นระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอการเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 462.22 จุด ลดลง 1.55 จุด หรือ -0.33%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,299.26 จุด ลดลง 9.39 จุด หรือ -0.13%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,399.89 จุด เพิ่มขึ้น 2.27 จุด หรือ +0.02% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,930.63 จุด ลดลง 47.12 จุด หรือ -0.59%
ตลาดปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดหลังตลาดยุโรปปิดทำการในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน ร่วง 2.1% และกลุ่มพลังงานร่วง 1.3% หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงจากความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์จากจีน
ข้อมูลเมื่อวันอังคารบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสและเยอรมนีปรับตัวลง แต่ยังคงขยายตัว ขณะที่กิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐดีดตัวขึ้นด้วย ซึ่งสนับสนุนมุมมองที่ว่า อัตราดอกเบี้ยทั้งในสหรัฐและยุโรปจะยังคงปรับตัวขึ้นต่อไปนานขึ้น
ส่วนข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีที่ยังไม่มีสัญญาณชะลอตัวในช่วงต้นปี ขณะที่แรงกดดันจากราคาพลังงานและอาหารยังคงอยู่ในระดับสูงอันเนื่องมาจากสงครามในยูเครน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นอย่างมากในปีนี้ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐ โดยได้แรงหนุนจากสภาพอากาศที่ดีขึ้น, ความหวังที่ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอย และแรงหนุนจากการที่จีนเปิดประเทศ