ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ (24 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกว่าธนาคารกลางต่าง ๆ จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 457.70 จุด ลดลง 4.80 จุด หรือ -1.04%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,187.27 จุด ลดลง 130.16 จุด หรือ -1.78%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,209.74 จุด ลดลง 265.95 จุด หรือ -1.72% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,878.66 จุด ลดลง 29.06 จุด หรือ -0.37%
ตลาดหุ้นยุโรปพลิกจากแดนบวกในช่วงเช้าเข้าสู่แดนลบ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด ซึ่งตอกย้ำความวิตกที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเป็นระยะเวลานานขึ้น
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ (24 ก.พ.) ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 5.4% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี และสูงกว่าระดับ 5.3% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค. และสูงกว่าระดับ 0.2% ในเดือนธ.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.4% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5%
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี ขณะที่เทรดเดอร์คาดการณ์หลังการเปิดเผยข้อมูลดัชนี PCE ของสหรัฐว่า อัตราดอกเบี้ยของยุโรปจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับราว 3.8%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง 1.4% ในรอบสัปดาห์นี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่นำตลาดร่วงลง หลังจากราคาโลหะปรับตัวลงจากอุปสงค์ที่ซบเซาของจีน และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันในช่วงเช้าจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของเยอรมนีหดตัวลงในไตรมาส 4/2565 ขณะที่วิกฤตเงินเฟ้อและพลังงานส่งผลกระทบต่อการบริโภคของภาคครัวเรือนและการลงทุน
หุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการ ร่วงลง 3.0% หลังหุ้น IAG ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ร่วง 6.5%