ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ (24 ก.พ.) และปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่พุ่งขึ้นเกินคาด
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,816.92 จุด ลดลง 336.99 จุด หรือ -1.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,970.04 จุด ลดลง 42.28 จุด หรือ -1.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,394.94 จุด ลดลง 195.46 จุด หรือ -1.69%
ดัชนีทั้ง 3 ตัวร่วงลงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาราว 3% โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 5 เดือน
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงในเดือนก.พ. หลังจากพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนม.ค. เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้บรรดานักลงทุนวิตกมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังคงต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกนาน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 5.4% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี และสูงกว่าระดับ 5.3% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค. และสูงกว่าระดับ 0.2% ในเดือนธ.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.4% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5%
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดจะอยู่ในช่วง 5.25-5.5% ภายในเดือนมิ.ย.
นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นหากจำเป็นจะต้องควบคุมเงินเฟ้อ
หุ้นกลุ่มต่าง ๆ ส่วนใหญ่ในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง โดยกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลงมากที่สุด และหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลงเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน
หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ เทสลา, อะแมซอน.คอม และอินวิเดีย คอร์ป ปรับตัวลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.826% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี
หุ้นโบอิ้งร่วงลง 4.80% หลังสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (23 ก.พ.) ว่า บริษัทโบอิ้ง โค ระงับการส่งมอบเครื่องบิน 787 ดรีมไลเนอร์ (787 Dreamliner) เป็นการชั่วคราว เนื่องจากโบอิ้งกำลังดำเนินการวิเคราะห์เพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนประกอบของลำตัวเครื่องบิน
หุ้นอะโดบีร่วงลง 7.63% หลังมีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐจะสกัดกั้นอะโดบีในการเสนอซื้อฟิกมา (Figma) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออกแบบอิงกับระบบคลาวด์ในวงเงิน 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์