ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดในวันอังคาร (28 ก.พ.) และตลอดทั้งเดือนก.พ. ดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 4% เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น และอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,656.70 จุด ร่วงลง 232.39 จุด หรือ -0.71%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,970.15 จุด ลดลง 12.09 จุด หรือ -0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,455.54 จุด ลดลง 11.44 จุด หรือ -0.10%
ตลอดทั้งเดือนก.พ. ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 4.19% ขณะที่ดัชนี S&P500 ร่วงลง 2.61% และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.11%
ภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น โดยสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด (Fed Fund Futures) บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. ซึ่งหมายความว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดของเฟดจะอยู่ที่ 5.4% ภายในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 4.75%
ทางด้านแบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบอล รีเสิร์ชยังคงคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนใกล้แตะระดับ 6%
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือนใกล้ 4.0% เมื่อคืนนี้ โดยการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีซึ่งใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลกรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐนั้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 1.75% และดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 1.44% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุดีดตัวขึ้น 0.45%
หุ้นทาร์เก็ตซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 1.01% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ระดับ 1.89 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.40 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 3.14 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.07 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 3.19% หลังจากนายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเมตาประกาศจัดตั้งทีมงานเพื่อดูแลการสร้างสรรค์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชุดใหม่สำหรับการใช้งานบนโซเชียลมีเดียในเครือของเมตา โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่และบริษัทสตาร์ตอัปต่างประกาศความคืบหน้าในด้านเทคโนโลยี AI และรวมเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ากับผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่มีต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐ ก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์หน้า