ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (28 ก.พ.) หลังข้อมูลจากฝรั่งเศสและสเปนบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อในยุโรปยังคงสูงกว่าคาด แต่การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยนั้นได้ช่วยพยุงตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 461.11 จุด ลดลง 1.47 จุด หรือ -0.32%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,267.93 จุด ลดลง 27.62 จุด หรือ -0.38%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,365.14 จุด ลดลง 16.29 จุด หรือ -0.11% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,876.28 จุด ลดลง 58.83 จุด หรือ -0.74%
ราคาอาหารที่ปรับตัวขึ้นหนุนอัตราเงินเฟ้อในรอบ 12 เดือนของฝรั่งเศสสู่ระดับ 7.2% ในเดือนก.พ. จาก 7.0% ในเดือนม.ค.
ส่วนในสเปน ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนก.พ. สูงกว่าในเดือนม.ค.ที่ระดับ 5.9%
บรรดานักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. สู่ระดับ 3% และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับสูงสุดที่ 4% ในเดือนก.ค.
นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนประจำเดือนก.พ.ในวันพฤหัสบดีนี้
นอกจากนี้ ปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นยุโรปยังได้แก่การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554
แต่ตลาดได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งมีแนวโน้มจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงนั้น ปรับตัวขึ้น 1.4% สวนทางตลาด และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561
ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ร่วงลง 1.5% โดยหุ้นไบเออร์ของเยอรมนี ร่วง 3.9% หลังเปิดเผยว่า ผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มลดลงในปีนี้
หุ้นออคาโด ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ของอังกฤษ ร่วงลง 12.2% หลังรายงานยอดขาดทุนทั้งปีเลวร้ายกว่าคาด
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดในเดือนก.พ. ปรับตัวขึ้น 1.7% โดยเป็นการปิดบวกถึง 4 เดือนในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา