ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันพุธ (1 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยตลาดถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 4% หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,661.84 จุด เพิ่มขึ้น 5.14 จุด หรือ +0.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,951.39 จุด ลดลง 18.76 จุด หรือ -0.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,379.48 จุด ลดลง 76.06 จุด หรือ -0.66%
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.7 ในเดือนก.พ. จากระดับ 47.4 ในเดือนม.ค. โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่
แอนดรูว์ ฮันเตอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Capital Economics กล่าวว่า แม้ดัชนี ISM เดือนก.พ.ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิต แต่ดัชนี ISM Manufacturing Prices Paid Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อที่เกิดจากการใช้จ่ายโดยกลุ่มผู้ผลิตนั้น ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 51.3 ในเดือนก.พ. จากระดับ 44.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นเหนือระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
ทั้งนี้ หลังจากการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 4.0% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาด เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีซึ่งใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลกรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐนั้น จะทำให้ผู้บริโภคและบริษัทเอกชนมีต้นทุนการชำระหนี้สูงขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นายนีล แคชแครี ประธานเฟด สาขามินเนอาโพลิส กล่าวว่า เขาเปิดกว้างต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% หรือ 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 มี.ค. โดยการแสดงความเห็นของนายแคชแครีสอดคล้องกับความเห็นของนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ซึ่งสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค.
ข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. และคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดในกรอบ 5.50-5.75% ในเดือนก.ย. นอกจากนี้ยังคาดว่าเฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 1.72% และดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 1.49%
หุ้นโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 5.56% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 2.245 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.269 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นโคห์ลส์ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 1.89% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 5.78 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.99 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.94% โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน WTI ที่ดีดตัวขึ้นหลังจากจีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี ทั้งนี้ หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.83% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดขึ้น 0.97% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.75% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.53%