ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกในวันนี้ โดยเคลื่อนไหวตามการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวันพฤหัสบดี (2 มี.ค.) หลังนายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา สนับสนุนให้เฟดชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ขณะที่ไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมภาคบริการของจีนพุ่งทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,898.37 จุด พุ่งขึ้น 399.50 จุด หรือ +1.45%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,575.16 จุด เพิ่มขึ้น 145.70 จุด หรือ +0.71% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,316.33 จุด เพิ่มขึ้น 5.67 จุด หรือ +0.17%
นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตากล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดี (2 มี.ค.) ว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดนั้น อาจจะเริ่มปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ (มี.ค.-พ.ค.) ซึ่งทำให้เขามองว่า เฟดควรจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีต่อเศรษฐกิจ
การแสดงความเห็นดังกล่าวของนายบอสติกช่วยให้ตลาดการเงินผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่รายอื่น ๆ ของเฟดซึ่งรวมถึงนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค.
ไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ (3 มี.ค.) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ.ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากการยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของอุปสงค์ผู้บริโภค และการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.พ.ของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับ 55.0 จากระดับ 52.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 2 หลังจากรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
ดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนมีการขยายตัว