ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ (8 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เสร็จสิ้นการแถลงนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2 ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,798.40 จุด ลดลง 58.06 จุด หรือ -0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,992.01 จุด เพิ่มขึ้น 5.64 จุด หรือ +0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,576.00 จุด เพิ่มขึ้น 45.67 จุด หรือ +0.40%
นายพาวเวลได้แถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ โดยย้ำว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. โดยเฟดจะพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ ซึ่งหากข้อมูลบ่งชี้ให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น เฟดก็พร้อมที่จะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ที่ 10 มี.ค.นี้ถือเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ รวมทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21-22 มี.ค.
สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งหลายรายการเมื่อคืนนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจจะเป็นปัจจัยผลักดันให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป โดยตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 242,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 205,000 ตำแหน่ง จากระดับ 119,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.
ขณะที่ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานลดลง 410,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สู่ระดับ 10.8 ล้านตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 10.5 ล้านตำแหน่ง นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขการเปิดรับมัครงานในเดือนธ.ค. 2565 สู่ระดับ 11.2 ล้านตำแหน่ง จากเดิมที่ระดับ 11.0 ล้านตำแหน่ง โดยคาดว่าข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งนี้อาจจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น
ข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 70% ในวันอังคาร และจากระดับ 31% ในวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันก่อนที่นายพาวเวลจะแถลงต่อสภาคองเกรสในวันแรก
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 1.3% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.2% ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2
หุ้นเทสลาร่วงลง 3% หลังมีรายงานว่า สำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ (NHTSA) กำลังสอบสวนกรณีมีผู้ร้องเรียนว่าพวงมาลัยของรถยนต์เทสลา Model Y รุ่นปี 2023 ได้หลุดออกมาในขณะที่คนขับกำลังขับขี่รถยนต์บนถนน
หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียมสู่ระดับ 22.2%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากพุ่งขึ้นเกินคาดถึง 517,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.