ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวในวันพุธ (8 มี.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา หลังจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดได้เพิ่มความวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 460.99 จุด เพิ่มขึ้น 0.39 จุด หรือ +0.09%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,324.76 จุด ลดลง 14.51 จุด หรือ -0.20%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,631.87 จุด เพิ่มขึ้น 72.34 จุด หรือ +0.46% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,929.92 จุด เพิ่มขึ้น 10.44 จุด หรือ +0.13%
ดัชนี STOXX 600 ขยับขึ้นเล็กน้อย หลังร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากความเห็นล่าสุดของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดที่ระบุว่า เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นมากที่สุด ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เผชิญแรงเทขาย
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นธาเลส ซึ่งเป็นบริษัทด้านอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับอาวุธของฝรั่งเศส ร่วงลง 3.6% หลังจากคาดการณ์กระแสเงินสดอิสระในปีนี้ต่ำกว่าคาด
ข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนก.พ. และการเปิดรับสมัครงานลดลงน้อยกว่าคาดในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
ด้านสำนักงานสถิติยุโรปเปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนไม่มีการขยายตัวในไตรมาส 4/2565 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 และได้ปรับลดคาดการณ์ GDP และตัวเลขการจ้างงานลงเล็กน้อย
ส่วนข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนม.ค.
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้า