ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ใกล้แตะระดับ 33,000 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 21.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,941.70 จุด บวก 143.30 จุด หรือ 0.44%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 211,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ราย
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวพุ่งขึ้นเหนือระดับ 200,000 รายเป็นครั้งแรกในรอบ 8 สัปดาห์
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 69,000 ราย สู่ระดับ 1.718 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน
ทั้งนี้ บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีได้รับผลกระทบหนักสุดจากการประกาศปลดพนักงานในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งบริษัทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถูกกระทบจากยอดขายที่ตกต่ำลง หลังการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ในการแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยเฟดจะพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ
"เรายังไม่ได้ทำการตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับการประชุมในเดือนมี.ค. และที่สำคัญคือ เฟดไม่มีการกำหนดแนวทางเอาไว้ล่วงหน้า โดยการตัดสินใจของเฟดจะถูกกำหนดจากข้อมูลที่เข้ามา และแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป" นายพาวเวลกล่าว
นอกจากนี้ นายพาวเวลระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ ถือเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ รวมทั้งตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21-22 มี.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากพุ่งขึ้นเกินคาดถึง 517,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2512