ดาวโจนส์พลิกพุ่งกว่า 100 จุด เก็งเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย หลังเผยตัวเลขจ้างงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 10, 2023 23:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พลิกพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงาน ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเงินเฟ้อ และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ผ่อนคันเร่งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ณ เวลา 23.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,419.48 จุด บวก 164.62 จุด หรือ 0.51%

นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักมากกว่า 70% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในวันนี้

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 72.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และให้น้ำหนักเพียง 27.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%

ก่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในวันนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 72.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และให้น้ำหนักเพียง 28.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงกว่าคาด เพื่อทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 311,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ตำแหน่ง แต่ชะลอตัวจากระดับ 504,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.

ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.4%

นอกจากนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% และเพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.8%

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

ดัชนีดาวโจนส์ยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยเพิ่มกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ส่วนการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนการชำระหนี้ของบริษัทต่างๆ ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถเพิ่มการลงทุน และเพิ่มการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุด ใกล้หลุดระดับ 32,000 จุดในการซื้อขายช่วงแรก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตสภาพคล่องในภาคธนาคาร

นักลงทุนกังวลว่าภาคธนาคารของสหรัฐจะประสบปัญหาสภาพคล่องเช่นเดียวกับ Silicon Valley Bank (SVB) จากการขาดทุนในการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งมีมูลค่าในพอร์ทลดต่ำลง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ ตลาดวิตกว่าภาคธนาคารจะเผชิญหนี้เสียมากขึ้นจากการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นนิวยอร์กประกาศระงับการซื้อขายหุ้น SVB Financial Group ในวันนี้ เพื่อรอการเปิดเผยข้อมูลที่จะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นในตลาด

สำนักข่าว CNBC รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวระบุว่า SVB Financial Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Silicon Valley Bank (SVB) ธนาคารปล่อยกู้แก่ธุรกิจสตาร์ทอัพในกลุ่มเทคโนโลยี กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อขายกิจการ หลังจากประสบความล้มเหลวในการขายหุ้นเพื่อเพิ่มทุนธนาคาร

แหล่งข่าวระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งมีความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการ SVB

ราคาหุ้นของ SVB ดิ่งลง 45.61% สู่ระดับ 57.68 ดอลลาร์ก่อนเปิดตลาดวันนี้ หลังจากปิดตลาดวานนี้ทรุดตัวลง 60.41% สู่ระดับ 106.04 ดอลลาร์

ทั้งนี้ SVB ประกาศแผนขายหุ้นแก่นักลงทุนวงเงิน 2.25 พันล้านดอลลาร์ในการระดมทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง หลังจากประสบภาวะขาดทุนถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์จากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ถือครองอยู่ ซึ่งมีมูลค่าในพอร์ทลดลงอย่างมาก จากการที่เฟดประกาศเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ SVB ยังประสบปัญหากระแสเงินสดหมุนเวียนจากการที่ธุรกิจสตาร์ทอัพพากันถอนเงินฝากจากธนาคาร

SVB มีมูลค่าตลาดสูงถึง 1.68 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ ณ ปิดตลาดวานนี้ SVB มีมูลค่าตลาดเหลืออยู่เพียง 6.3 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น และมีการคาดการณ์กันว่ามูลค่าตลาดดังกล่าวจะลดลงอีก หลังจากปิดตลาดวันนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ