ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ (10 มี.ค.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่มการเงินนำตลาดร่วงลง หลังจากมีรายงานข่าวว่า ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ของสหรัฐประสบปัญหาด้านการเงิน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 453.76 จุด ลดลง 6.22 จุด หรือ -1.35% และปิดลดลง 2.3% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดในปีนี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,220.67 จุด ลดลง 95.21 จุด หรือ -1.30%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,427.97 จุด ลดลง 205.24 จุด หรือ -1.31% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,748.35 จุด ลดลง 131.63 จุด หรือ -1.67%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 3.8% โดยเป็นการร่วงลงวันเดียวรุนแรงที่สุดในรอบ 9 เดือน โดยหุ้นเอชเอสบีซี, ดอยซ์แบงก์, บาร์เคลย์ส, ยูนิเครดิต และคอมเมิร์ซแบงก์ ร่วงลง 2.6-7.4%
นอกจากนี้ หุ้นเครดิตสวิส ร่วงแตะระดับต่ำสุดครั้งใหม่ และดัชนีหุ้นกลุ่มบริการการเงินร่วงลง 2.8%
สำหรับแรงเทขายหุ้นธนาคารเป็นผลมาจากการที่ธนาคาร SVB ของสหรัฐไม่สามารถระดมทุนใหม่ หลังขาดทุน 1.8 พันล้านดอลลาร์จากการขายพันธบัตรเพื่อรองรับความต้องการเงินสดของผู้ฝากเงิน
หุ้นเอเอสเอ็มแอล โฮลดิ้ง ร่วงลง 1.3% จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์กำหนดข้อจำกัดครั้งใหม่ในการส่งออกเทคโนโลยีชิปไปยังจีน
หุ้นเอสเอพี ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ของเยอรมนี ร่วงลง 0.9% หลังบริษัทออราเคิล คอร์ปซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งจากสหรัฐคาดการณ์รายได้รายไตรมาสต่ำกว่าคาด
หุ้นคาสิโน ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกของฝรั่งเศส ร่วงลง 5.6% หลังรายงานยอดขายและผลกำไรลดลงในไตรมาส 4/2565 และหุ้นเดมเลอร์ ทรัค ร่วง 4.5% หลังเปิดเผยผลประกอบการต่ำกว่าคาด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนบางส่วน หลังจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐชะลอตัวลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ผ่อนคันเร่งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
บรรดานักลงทุนจะหันไปจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
ผลสำรวจของรอยเตอร์บ่งชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยสูงสุดของ ECB จะสูงกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงจะกระตุ้นให้ ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้น