หุ้นยุโรปเปิดตลาดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยนักลงทุนยังติดตามผลกระทบจากการล้มละลายของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) อย่างใกล้ชิด ซึ่งแม้ว่าภาครัฐจะยื่นมือเข้ามาช่วยคลี่คลายวิกฤติของ SVB แล้ว แต่หุ้นกลุ่มธนาคารในยุโรปยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
ดัชนี STOXX 600 เปิดที่ 453.38 จุด ลดลง 0.38 จุด หรือ -0.08% โดยหุ้นปรับตัวขึ้นลงอย่างผสมสาน หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 0.3% หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซร่วงลง 0.9%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดวันนี้ที่ 15,435.16 จุด เพิ่มขึ้น 7.19 จุด หรือ +0.05% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดที่ 7,211.44 จุด ลดลง 9.23 จุด หรือ -0.13%
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 1.1% ตามทิศทางราคาหุ้นในภูมิภาคที่ยังคงปรับตัวลง แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐได้ออกมาตรการคุ้มครองเงินฝากของประชาชนที่ฝากเงินไว้กับ SVB หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐสั่งปิดกิจการ SVB ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้นธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ร่วงลง 0.1% หลังจากมีรายงานว่า เอชเอสบีซีสาขาอังกฤษประกาศเข้าซื้อกิจการ SVB สาขาอังกฤษ ในราคา 1 ปอนด์ นับเป็นการช่วยเหลือธนาคาร SVB ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้รายสำคัญให้กับบรรดาบริษัทสตาร์ทอัปในอังกฤษ
อัตราผลตอบแทนของวอลล์สตรีทพุ่งขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อคงไว้ซึ่งเสถียรภาพของระบบธนาคารและกล่าวว่าผู้ฝากเงินของ SVB จะสามารถเข้าถึงบัญชีเงินฝากได้ในวันจันทร์ (13 มี.ค.)
ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสเกือบ 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในสัปดาห์หน้า จากเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้น 0.50% และคาดว่าธนาคารกลางยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในสัปดาห์นี้