ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,548.63 จุด ลดลง 199.72 จุด หรือ -2.58% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน
หุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษ ร่วงลง 4.9% แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยหุ้นเอชเอสบีซี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของยุโรป ดิ่งลง 4.1% หลังซื้อกิจการ SVB สาขาอังกฤษในราคา 1 ปอนด์
นักวิเคราะห์รายหนึ่งให้ความเห็นว่า นักลงทุนเทขายหุ้นธนาคารในอังกฤษเนื่องจากวิตกเกี่ยวกับผลกระทบแบบโดมิโนจากการล้มละลายของ SVB
แต่นายเจเรมี ฮันต์ รมว.คลังอังกฤษระบุว่า ระบบธนาคารของอังกฤษค่อนข้างแข็งแกร่ง และจำเป็นต้องกอบกู้กิจการของ SVB ในอังกฤษเพื่อปกป้องบริษัทด้านเทคโนโลยีของอังกฤษ
ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐได้ประกาศแผนการในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อจำกัดผลกระทบจากการล้มละลายของ SVB ขณะที่นักลงทุนมองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้นั้นไม่มีความแน่นอนอีกต่อไป
การแข็งค่าของเงินปอนด์ 1.1% ถ่วงหุ้นกลุ่มส่งออกลงด้วย อาทิ หุ้นเบอเบอร์รี และหุ้นโอคาโด กรุ๊ป
หุ้นบีพี และหุ้นเชลล์ ร่วงลง 4.8% และ 4.1% ตามลำดับ โดยปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน
หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ร่วง 3.2% หลังเจพีมอร์แกนปรับลดคำแนะนำลงทุนจาก "เพิ่มน้ำหนักการลงทุน" เป็นลงทุน "เท่ากับตลาด"
หุ้นไดเร็ค ไลน์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยรถยนต์ ร่วง 4.8% หลังรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานร่วงลง 95% ในปี 2565
แต่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะปรับตัวขึ้น 4.3% สวนทางตลาด เนื่องจากราคาทองปรับตัวขึ้น ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง
บรรดานักลงทุนพุ่งความสนใจในขณะนี้ไปที่การเปิดเผยงบประมาณประจำปีของอังกฤษในสัปดาห์นี้