ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันศุกร์ (17 มี.ค.) โดยหุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้านธนาคาร
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,335.40 จุด ลดลง 74.63 จุด หรือ -1.01% และร่วงลง 5.3% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดในรอบ 1 ปี
หุ้นกลุ่มธนาคาร ร่วง 2.6% โดยหุ้นธนาคารรายใหญ่ อาทิ บาร์เคลยส์, เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลงราว 1.9-2.8%
นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร แม้ว่าธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐประกาศอัดฉีดเม็ดเงินรวมกันถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1 ล้านล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank ? FRB) ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐ และธนาคารเครดิต สวิสประกาศขอกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์จำนวน 5 หมื่นล้านฟรังก์สวิส ภายใต้โครงการจัดหาเงินกู้แบบครอบคลุมและการจัดหาสภาพคล่องในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ปรับตัวขึ้น 1.8% สวนทางตลาด เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อในฐานะที่เป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย
นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เมื่อวันพฤหัสบดี (16 มี.ค.)
ตลาดการเงินคาดว่ามีโอกาส 56% ที่ BoE จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม และมีโอกาส 44% ที่ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%
หุ้นบีที กรุ๊ป ร่วงลง 6.1% หลังออฟคอม (Ofcom) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารของอังกฤษเปิดเผยว่า ต้องใช้เวลามากขึ้นในการพิจารณากำหนดราคาค่าบริการการใช้เครือข่ายสื่อสารของบีที