ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% ในวันอังคาร (21 มี.ค.) โดยหุ้นกลุ่มธนาคารนำตลาดฟื้นตัวขึ้น หลังจากมีการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับภาคธนาคาร ขณะที่นักลงทุนมีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 446.47 จุด เพิ่มขึ้น 5.87 จุด หรือ +1.33%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,112.91 จุด เพิ่มขึ้น 99.77 จุด หรือ +1.42%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,195.34 จุด เพิ่มขึ้น 261.96 จุด หรือ +1.75% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,536.22 จุด เพิ่มขึ้น 132.37 จุด หรือ +1.79%
ตลาดหุ้นสเปนและอิตาลี ซึ่งหุ้นแบงก์มีน้ำหนักส่วนใหญ่ในตลาด ต่างก็พุ่งขึ้น 2.5%
เฟดจะสิ้นสุดการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธนี้ ขณะที่สัญญาอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐบ่งชี้ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% หลังเกิดวิกฤตธนาคารในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรป พุ่งขึ้น 3.8% โดยหุ้นธนาคารเครดิต สวิส พุ่ง 7.3% และหุ้นยูบีเอส พุ่งขึ้น 12.1%
หุ้นกลุ่มธนาคารทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ หลังยูบีเอสเข้าเทกโอเวอร์เครดิต สวิส และการที่ธนาคารกลางต่าง ๆ ดำเนินการร่วมกันเพื่อหนุนสภาพคล่องนั้นได้เพิ่มความหวังว่า จะสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตด้านการธนาคารกลางได้ในระยะสั้น
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นอาร์ดับบลิวอี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานข้ามชาติของเยอรมนี พุ่ง 1.4% หลังบริษัทยืนยันจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น รวมถึงการลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนหลัก
หุ้นธิสเซ่นครุปป์ ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านอุตสาหกรรมของเยอรมนี พุ่งขึ้น 4.5% หลังหนังสือพิมพ์แฮนเดลสแบลตต์รายงานว่าบริษัทซีวีซี แคปิตอล พาร์ตเนอร์สนใจที่จะเสนอซื้อธุรกิจเหล็กของธิสเซ่นครุปป์