ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นในวันพุธ (22 มี.ค.) เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตธนาคาร และรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประกาศหลังตลาดยุโรปปิดทำการไปแล้ว
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 447.16 จุด เพิ่มขึ้น 0.69 จุด หรือ +0.15%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,131.12 จุด เพิ่มขึ้น 18.21 จุด หรือ +0.26%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,216.19 จุด เพิ่มขึ้น 20.85 จุด หรือ +0.14% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,566.84 จุด เพิ่มขึ้น 30.62 จุด หรือ +0.41%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกหลังดีดตัวขึ้น 2 วัน และดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 2.5% แล้วในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากที่มีการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับภาคธนาคาร หลังการล้มลงของธนาคารสหรัฐ 3 แห่งและธนาคารเครดิต สวิสของสวิตเซอร์แลนด์ประสบปัญหาด้านการเงิน
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารลดลง 0.2% หลังพุ่งขึ้นเกือบ 5% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาซึ่งได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารยูบีเอสเข้าเทกโอเวอร์เครดิต สวิส และธนาคารกลางต่าง ๆ ร่วมหนุนสภาพคล่องในระบบธนาคาร
บรรดานักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดซึ่งจะประกาศหลังจากตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการไปแล้ว
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
อังกฤษเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 10.4% ในเดือนก.พ. ซึ่งมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้
หุ้นมาร์คส แอนด์ สเปนเซอร์ กรุ๊ป พุ่ง 4.5% หลังซิตี้กรุ๊ปปรับเพิ่มคำแนะนำ "ซื้อ" โดยระบุว่า แผนประหยัดค่าใช้จ่ายจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของผลกำไร
หลังจากที่ตลาดยุโรปปิดทำการไปแล้วนั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2550
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565