ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (22 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะประกาศหลังตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการไปแล้ว
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,566.84 จุด เพิ่มขึ้น 30.62 จุด หรือ +0.41%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงในช่วงแรก หลังอังกฤษเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้นเกินคาด 10.4% ในเดือนก.พ. ซึ่งหนุนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในวันพฤหัสบดีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
แต่ตลาดได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ หุ้นยูนิลีเวอร์และหุ้นเรกคิทท์ เบนคีเซอร์
ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลง 2.3% โดยหุ้นบริติช แลนด์ คอมพานี ร่วง 6.0% หลังโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดอันดับความน่าลงทุนหุ้นตัวนี้ เนื่องจากมีอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีการเช่าเพิ่มสูงขึ้น
หุ้นมาร์คส์ แอนด์ สเปนเซอร์ กรุ๊ป (MKS) พุ่งขึ้น 4.5% หลังเอ็กเซน บีเอ็นพี พาริบาส์ ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนในหุ้นตัวนี้
หลังจากที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการไปแล้วนั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2550
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565