ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงในวันพฤหัสบดี (23 มี.ค.) โดยหุ้นกลุ่มธนาคารถ่วงตลาดลง หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตธนาคารที่อาจจะลุกลาม
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 446.22 จุด ลดลง 0.94 จุด หรือ -0.21%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,139.25 จุด เพิ่มขึ้น 8.13 จุด หรือ +0.11%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,210.39 จุด ลดลง 5.80 จุด หรือ -0.04% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,499.60 จุด ลดลง 67.24 จุด หรือ -0.89%
BoE ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ในการประชุมวันพฤหัสบดีตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ธนาคารกลางนอร์เวย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกัน และธนาคารกลางสวิสฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปร่วงลง 2.4% หลังซิตี้กรุ๊ปปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยเตือนว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและผลกำไรของภาคธนาคาร
หุ้นสเวนกา ฮันเดลส์แบงเกน เอบี ซึ่งเป็นธนาคารของสวีเดน ร่วง 11.1% หลังขึ้นเครื่องหมาย XD โดยผู้ซื้อหุ้นไม่ได้รับเงินปันผลที่จะจ่ายในรอบล่าสุด
นอกจากนี้ ปัจจัยที่กดดันบรรยากาศการซื้อขายยังเกิดจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐเปิดเผยต่อสมาชิกสภาสหรัฐว่า เธอไม่ได้พิจารณาหรือหารือเรื่องการค้ำประกันเงินฝากธนาคารทั้งหมด หลังจากการล้มของธนาคารขนาดกลาง 2 แห่งของสหรัฐในช่วงต้นเดือนนี้
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 2.2% สวนทางตลาด ซึ่งได้ช่วยลดช่วงติดลบของตลาด