ดัชนีดาวโจนส์พลิกดีดตัวแดนบวก หลังจากที่นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนักวิเคราะห์กล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อสถานะทางการเงินของดอยซ์แบงก์
ณ เวลา 00.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,165.77 จุด บวก 60.52 จุด หรือ 0.19% หลังดิ่งลงกว่า 200 จุดในช่วงแรก
นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวในวันนี้ว่า ดอยซ์แบงก์ได้ผ่านการปรับโครงสร้างแล้ว และมีการปรับรูปแบบธุรกิจให้ทันสมัย รวมทั้งเป็นธนาคารที่สามารถทำกำไรอย่างมาก นักลงทุนจึงไม่ควรคาดเดาเกี่ยวกับอนาคตของทางธนาคาร
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์หลายรายก็ได้ออกมาสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนเช่นกัน โดยระบุว่า ดอยซ์แบงก์จะไม่กลายเป็นโดมิโนตัวต่อไปจากเครดิต สวิส โดยธนาคารมีกำไรถึง 5 พันล้านยูโร (5.4 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 159% เมื่อเทียบกับปี 2564 และสามารถทำกำไรถึง 10 ไตรมาสติดต่อกัน
ทั้งนี้ ดอยซ์แบงก์ได้ตกเป็นเป้าสนใจของนักลงทุนทั่วโลกในวันนี้ หลังจากที่ราคาหุ้นของทางธนาคารได้ดิ่งลงทั้งในตลาดยุโรปและสหรัฐ หลังจาก Credit Default Swap (CDS) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของดอยช์แบงก์พุ่งสูงสุดในรอบ 4 ปี
นอกจากนี้ นักลงทุนแห่เทขายตราสารทางการเงินที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Additional Tier 1) หรือ AT1 ของดอยซ์แบงก์เช่นกัน หลังจากที่รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ประกาศตัดมูลค่า AT1 ของเครดิต สวิส ลงเหลือศูนย์ ซึ่งสร้างความไม่มั่นใจต่อนักลงทุนในการถือครอง AT1 ของดอยซ์แบงก์ หากธนาคารเกิดการล้มละลาย
ทั้งนี้ ดอยซ์แบงก์เป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเยอรมนี โดยมีสินทรัพย์ทั้งหมดราว 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการราว 8.8 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอยซ์แบงก์ถูกจัดอันดับอยู่ในกลุ่ม Systemically Important Financial Institution (SIFI) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ หรืออยู่ในกลุ่ม "Too big to fail" ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ใหญ่เกินกว่าจะล้ม โดยภาครัฐจะออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อป้องกันมิให้วิกฤตธนาคารในกลุ่มดังกล่าวลุกลามไปทั่วระบบการเงิน