ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (27 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกเกี่ยวกับเสถียรภาพของภาคธนาคาร หลังการล่มสลายของธนาคารเครดิต สวิส และธนาคารขนาดกลาง 2 แห่งของสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 444.72 จุด เพิ่มขึ้น 4.61 จุด หรือ +1.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,078.27 จุด เพิ่มขึ้น 63.17 จุด หรือ +0.90%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,127.68 จุด เพิ่มขึ้น 170.45 จุด หรือ +1.14% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,471.77 จุด เพิ่มขึ้น 66.32 จุด หรือ +0.90%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัท เฟิร์สต์ ซิติเซนส์ แบงก์แชร์ส (First Citizens BancShares) ตกลงเข้าซื้อกิจการธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB)
หุ้นยูบีเอสซึ่งทำข้อตกลงเข้าเทกโอเวอร์เครดิต สวิสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 1.1%
ส่วนหุ้นเครดิต สวิส ปรับตัวขึ้น 0.5% หลัง FINMA ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านกฎระเบียบของสวิตเซอร์แลนด์เปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์ว่า กำลังพิจารณาว่าจะดำเนินการทางวินัยกับเครดิต สวิสหรือไม่
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้นมากที่สุด 1.9% โดยหุ้นโนวาร์ตีส พุ่ง 7.7% หลังเปิดเผยว่า ยา Kisqali ซึ่งเป็นยารักษามะเร็งเต้านมของบริษัทสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคซ้ำในสตรีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะเริ่มแรก
ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มปิดตลาดปรับตัวขึ้นในไตรมาสแรก โดยได้แรงหนุนจากสัญญาญการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความหวังว่าธนาคารกลางต่างๆ ใกล้สิ้นสุดวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม หุ้นธนาคารยุโรปมีแนวโน้มปิดไตรมาสแรกทรงตัวท่ามกลางภาวะปั่นป่วนของภาคธนาคาร
ด้านสถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวขึ้นเกินคาดในเดือนมี.ค. ซึ่งส่งสัญญาณว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีซึ่งใหญ่ที่สุดของยุโรปกำลังฟื้นตัว แม้เกิดวิกฤตพลังงานและเงินเฟ้อสูง