ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (28 มี.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาแนวทางการคุมเข้มกฎระเบียบในภาคธนาคารของสหรัฐ หลังการล้มละลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,394.25 จุด ลดลง 37.83 จุด หรือ -0.12%, ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,971.27 จุด ลดลง 6.26 จุด หรือ -0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,716.08 จุด ลดลง 52.76 จุด หรือ -0.45%
นายไมเคิล บาร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ฝ่ายควบคุมกฎระเบียบธนาคารกล่าวว่า ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) มีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ย่ำแย่ก่อนที่ธนาคารแห่งนี้จะล้มละลาย พร้อมกับกล่าวว่า เฟดกำลังพิจารณาหาช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการล้มละลายของ SVB และแนวทางที่จะคุมเข้มกฎระเบียบธนาคารหลังจากนี้ โดยเฟดจะเปิดเผยรายงานดังกล่าวในวันที่ 1 พ.ค.
ขณะที่บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เริ่มเปิดฉากการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุการล้มละลายของ SVB และซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB) โดยการตรวจสอบพุ่งเป้าไปยังกลุ่มผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ SVB และ SB เพื่อประเมินว่า บุคคลและหน่วยงานเหล่านี้มีส่วนทำให้ธนาคารทั้ง 2 แห่งล้มละลายและมีการบริหารจัดการที่ผิดพลาดหรือไม่
รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้ว่า ในช่วงที่กิจการของ SVB เริ่มถดถอยลงในปลายปี 2565 หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐได้เข้ามาตรวจสอบเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง ซึ่งพบว่า SVB ได้เปิดช่องทางการปล่อยกู้ให้กับบุคคลวงในซึ่งประกอบไปด้วยบรรดาเจ้าหน้าที่ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นหลัก และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของ SVB โดยพบว่า SVB ปล่อยให้กู้ให้กับคนวงในกลุ่มนี้จำนวน 219 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2565 ซึ่งสูงกว่าในไตรมาส 3/2565 กว่า 3 เท่า
ดัชนี KBW regional banking index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค ปรับตัวลง 0.2% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับธนาคาร SVB และ SB ขณะที่หุ้นเฟิร์สต์ ซิติเซนส์ แบงก์แชร์ส ปิดตลาดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังทะยานขึ้นกว่า 50% อันเนื่องมาจากข่าวการเข้าซื้อกิจการ SVB
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 ปีซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด พุ่งขึ้นเหนือระดับ 4% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.4% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 1.06% หุ้นแอปเปิ้ล ลดลง 0.40% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.42%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดีดขึ้น 0.46% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.21% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.16%
หุ้นอาลีบาบาซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 14.3% หลังบริษัทประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยแบ่งออกเป็นธุรกิจ 6 กลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีฝ่ายบริหารของตนเอง และสามารถทำการระดมทุม รวมทั้งเข้าจดทะเบียนในตลาด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี แต่ต่ำกว่าระดับ 5.6% ในเดือนธ.ค.
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 104.2 ในเดือนมี.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 101.0 จากระดับ 103.4 ในเดือนก.พ.