ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (30 มี.ค.) สู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอชแอนด์เอ็ม (H&M) ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ และความวิตกที่ลดลงเกี่ยวกับภาคธนาคารทั่วโลกนั้นได้กระตุ้นตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นและช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 454.84 จุด เพิ่มขึ้น 4.63 จุด หรือ +1.03%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,263.37จุด เพิ่มขึ้น 76.38 จุด หรือ +1.06%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,522.40 จุด เพิ่มขึ้น 193.62 จุดหรือ +1.26% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,620.43 จุด เพิ่มขึ้น 56.16 จุด หรือ +0.74%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. โดยปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้แรงหนุน หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสเปนชะลอลงสู่ระดับ 3.3% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดเมื่อเทียบเป็นรายปีนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2564 และลดลงจาก 6.0% ในเดือนก.พ.
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของยุโรปพุ่งขึ้น 3.7% เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มของหุ้นกลุ่มนี้ลดลง หลังจากการร่วงลงอย่างรุนแรงในเดือนมี.ค.นี้ลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปีที่เคยทดสอบในปีที่แล้ว
หุ้นกลุ่มธนาคาร พุ่งขึ้น 1.5% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนขานรับการขายกิจการซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ และการเทกโอเวอร์ธนาคารเครดิต สวิส
หุ้นกลุ่มค้าปลีกทะยานขึ้น 3.7% โดยได้แรงหนุนจากหุ้น H&M พุ่ง 16.3% หลังบริษัทค้าปลีกแฟชั่นรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเกินคาดในช่วงเดือนธ.ค.-ก.พ.