ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์แทบไม่ขยับ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อและรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ณ เวลา 18.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 6 จุด หรือ 0.02% สู่ระดับ 33,757 จุด
หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีต่างพุ่งขึ้นก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ ขานรับการทะยานขึ้นของบิตคอยน์ทะลุระดับ 30,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน
ทั้งนี้ ราคาหุ้น Coinbase Global Inc, Riot Platforms Inc และ Marathon Digital Holdings Inc ต่างดีดตัวขึ้น 3.0-4.2%
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนมี.ค.ในวันพรุ่งนี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลข CPI ดังกล่าวบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐยังไม่ผ่านจุดสูงสุด
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 6.0% ในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI พื้นฐาน (core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 5.6% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.5% ในเดือนก.พ.
หากดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวแตะระดับ 5.6% ในเดือนมี.ค.ตามที่มีการคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2565 ที่ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้นมากกว่าเดือนก่อนหน้า และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2564 ที่ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้นมากกว่าดัชนี CPI ทั่วไป
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 21-22 มี.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้เช่นกัน โดยเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมดังกล่าว พร้อมกับส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้
บริษัทจดทะเบียนของสหรัฐจะเริ่มรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่ ได้แก่ เจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกจะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2566 ในวันศุกร์
ข้อมูลจาก Refinitiv IBES ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 5.2% ในไตรมาส 1/2566 หลังจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 1.4% ในไตรมาสดังกล่าว