ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (12 เม.ย.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค.บ่งชี้ว่า กรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตสภาพคล่องของธนาคารระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,646.50 จุด ลดลง 38.29 จุด หรือ -0.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,091.95 จุด ลดลง 16.99 จุด หรือ -0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,929.34 จุด ลดลง 102.54 จุด หรือ -0.85%
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ โดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลงมากที่สุด ขณะที่หุ้นบวกนำโดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม
ดัชนีหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ตัวปรับตัวผันผวนตลอดทั้งวันก่อนปิดตลาดในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงเปิดตลาด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นักลงทุนได้ปรับลดน้ำหนักการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดในวันพุธ
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 63.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 72.9% ก่อนการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคประจำเดือนมี.ค.ในวันพุธบ่งชี้ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.0% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.1% และชะลอตัวจากระดับ 6.0% ในเดือนก.พ.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไปปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2% และชะลอตัวจากระดับ 0.4% ในเดือนก.พ.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.6% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากแตะระดับ 5.5% ในเดือนก.พ.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 0.5% ในเดือนก.พ.
บรรดานักลงทุนในตลาดการเงินคาดว่า มีโอกาส 70% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินของ FOMC ในเดือนหน้า
นอกจากนี้ นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียน โดยธนาคารรายใหญ่ 3 แห่งซึ่งได้แก่ซิตี้กรุ๊ป, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และเวลส์ ฟาร์โก้ จะรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกในวันศุกร์นี้ (14 เม.ย.)
สำหรับหุ้นรายตัวที่ปรับตัวลงในวันพุธได้แก่ หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส กรุ๊ป ร่วงลง 9.2% หลังคาดการณ์ผลกำไรไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด