ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (13 เม.ย.) โดยตลาดปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อชะลอตัวลง ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 464.21 จุด เพิ่มขึ้น 1.83 จุด หรือ +0.40%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,480.83 จุด เพิ่มขึ้น 83.89 จุด หรือ +1.13%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,729.46 จุด เพิ่มขึ้น 25.86 จุด หรือ +0.16% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,843.38 จุด เพิ่มขึ้น 18.54 จุด หรือ +0.24%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้นเพียง 2.7% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 4.9% ในเดือนก.พ. โดยดัชนี PPI เดือนมี.ค.ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3%
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 5.0% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.1% และชะลอตัวจากระดับ 6.0% ในเดือนก.พ.
รายงาน FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อชะลอตัวลง นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 1 ใน 3 ที่เฟดจะระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. โดยคาดว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.75% - 5.00%
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าหรูอย่างคึกคัก โดยหุ้นหลุยส์วิตตอง (LVMH) พุ่งขึ้น 4.6% หลังบริษัทเปิดเผยยอดขายพุ่งขึ้น 17% ในไตรมาส 1/2566 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจในจีนที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ขณะที่หุ้นบริษัทคู่แข่งของหลุยส์วิตตองปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแอร์เมส และหุ้นริชมอน์ พุ่งขึ้นกว่า 3%
หุ้นเทสโก ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษพุ่งขึ้น 1.6% หลังบริษัทมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำกำไรในปีงบการเงินปีนี้