ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (20 เม.ย.) เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียน และหุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง หลังบริษัทเทสลาเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 467.43 จุด ลดลง 0.70 จุด หรือ -0.15%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,538.71 จุด ลดลง 10.73 จุด หรือ -0.14%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,795.97 จุด ลดลง 99.23 จุด หรือ -0.62% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,902.61 จุด เพิ่มขึ้น 3.84 จุด หรือ +0.05%
หุ้นกลุ่มรถยนต์ ร่วงลง 3.7% ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดในวันเดียวในรอบ 5 เดือน หลังนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลาเปิดเผยว่า เทสลาจะยังคงปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าลงต่อไป เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ แม้การปรับลดราคาส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลกำไรในไตรมาสแรกก็ตาม
ความเห็นของนายมัสก์ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการเกิดสงครามราคา ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นกลุ่มผลิตรถยนต์ อาทิ เรโนลต์, สเตลแลนทิศ, โฟล์คสวาเกน, บีเอ็มดับบลิว และเมอร์เซเดส ร่วงลง 3-8%
ส่วนหุ้นเทสลา ร่วงลง 9% ในการซื้อขายที่ตลาดสหรัฐ
หุ้นรายตัวอื่น ๆ อาทิ หุ้นนอร์ดิก เซมิคอนดักเตอร์ ร่วงลง 17.6% หลังรายงานยอดขายไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด และหุ้นซาร์โทเรียส ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับห้องแล็บร่วง 11.3% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง หลังรายงานยอดขายไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด
นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนยังคงวิตกว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หลังผู้กำหนดนโยบายแสดงความเห็นสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงิน และข้อมูลยังคงบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่ระดับสูง
นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า เงินเฟ้อของยูโรโซนยังอยู่ในระดับที่สูงเกินไป และนโยบายการเงินของ ECB จะยังคงต้องปรับขึ้นต่อไป เพื่อทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%