ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพุธ (26 เม.ย.) เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ หลังจากสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยร่างข้อเสนอในการปฏิรูปกฎหมายเพื่อกำกับดูแลอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 463.21 จุด ลดลง 3.87 จุด หรือ -0.83%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,466.66 จุด ลดลง 64.95 จุด หรือ -0.86%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,795.73 จุด ลดลง 76.40 จุด หรือ -0.48% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,852.64 จุด ลดลง 38.49 จุด หรือ -0.49%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ร่วงลง 2.5% โดยเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนม.ค. 2565
ข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายด้านเวชภัณฑ์ที่มีอยู่ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีนั้นมีเป้าหมายเพื่อนรับประกันว่าชาวยุโรปทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาด้วยเวชภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีราคาถูกลง และทุกประเทศในยุโรปสามารถเข้าถึงและซื้อยาได้ในระดับราคาที่เหมือน ๆ กัน
หุ้นผู้ผลิตยารายใหญ่ที่สุดของยุโรป อาทิ โรช, โนโว นอร์ดิสก์, จีเอสเค และแอสตร้าเซนเนก้า ร่วงลง 2.5-3.9%
นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนถ่วงตลาดลงด้วย โดยหุ้นเอเอสเอ็ม อินเทอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ของเนเธอร์แลนด์ ร่วง 7.5% หลังรายงานยอดสั่งซื้อลดลงในไตรมาสแรก โดยระบุถึงภาวะตลาดที่อ่อนแอ
หุ้นแดสซอลต์ ซิสเตมส์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตซอฟต์แวร์ของฝรั่งเศส ร่วง 6.8% หลังรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกตามคาด แต่ขายใบอนุญาตซอฟต์แวร์ได้ต่ำกว่าคาด
ส่วนจุดสนใจของนักลงทุนในขณะนี้จะมุ่งไปที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้า ขณะที่ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 4 พ.ค.นี้ และจะปรับขึ้นอีก สู่ระดับ 3.50% หรือมากกว่านั้นในเดือนมิ.ย.