ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ หลังจากบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ เปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2566 โดยได้แรงหนุนจากยอดขายผลิตภัณฑ์ iPhone ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคก็ดีดตัวขึ้นหลังร่วงหนักก่อนหน้านี้ด้วย
ณ เวลา 20.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,571.31 จุด บวก 443.57 จุด หรือ 1.34%
การซื้อขายได้รับอิทธิพลหลังแอปเปิ้ลเปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.52 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 1.43 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 9.484 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 9.296 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) อยู่ที่ 44.3% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 44.1% และรายได้จากการบริการอยู่ที่ 8.76 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 8.43 หมื่นล้านดอลลาร์
รายได้จากผลิตภัณฑ์ iPhone เพิ่มขึ้น 2% สู่ระดับ 5.133 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.884 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิ้ลเปิดเผยว่า ความแข็งแกร่งของยอดขาย iPhone เป็นปัจจัยหนุนกำไรและรายได้ของแอปเปิ้ลให้ออกมาดีเกินคาดในไตรมาส 2 เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนและวิกฤตห่วงโซ่อุปทานที่บรรเทาลงนั้น ช่วยให้บริษัทสามารถผลิต iPhone ได้ทันตามคำสั่งซื้อของลูกค้า หลังจากเมื่อปีที่แล้ว ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้บริษัทต้องปิดโรงงานผลิต iPhone บางแห่ง
ราคาหุ้นแอปเปิ้ลพุ่งขึ้น 4.73% ในขณะนี้
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแพคเวสต์ (PacWest) พุ่งขึ้นกว่า 56% หลังร่วงหนักก่อนหน้านี้รับรายงานข่าวที่ว่าทางธนาคารอาจต้องขายกิจการ ส่วนหุ้นเวสเทิร์น อัลไลแอนซ์ (Western Alliance) ก็พุ่งขึ้นกว่า 38%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เพิ่งเปิดเผยไปนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 253,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. มากกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง แม้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงและเกิดวิกฤติภาคธนาคาร
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญอย่างหนึ่ง เพิ่มขึ้น 0.5% เทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบรายปี มากกว่าการคาดการณ์ทั้งคู่
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ