ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (11 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นไบเออร์ของเยอรมนี ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 463.62 จุด ลดลง 0.02 จุด หรือ -0.004%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,381.78 จุด เพิ่มขึ้น 20.58 จุด หรือ +0.28%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,834.91 จุด ลดลง 61.32 จุด หรือ -0.39% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,730.58 จุด ลดลง 10.75 จุด หรือ -0.14%
ตลาดหุ้นยุโรปขยับลงเล็กน้อย หลังปรับตัวขึ้น 0.7% ในการซื้อขายช่วงเช้า โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ชะลอตัวลง และเพิ่มความหวังว่าเฟดจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวในช่วงแคบๆ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของสหรัฐและยุโรป รวมถึงแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก และความปั่นป่วนของภาคธนาคารในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มพลังงาน ร่วง 1.6% และถ่วงตลาดลงมากที่สุด โดยปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นเกล็นคอร์และริโอ ทินโต ซึ่งเป็นเหมืองทองแดง ร่วง 4% และ 2% ตามลำดับ หลังจากราคาทองแดงปรับตัวลง
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากหุ้นไบเออร์ของเยอรมนี ซึ่งร่วงลง 7.5% ซึ่งเป็นการร่วงลงวันเดียวมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี หลังเตือนว่าผลประกอบการของบริษัทในปีนี้อาจอยู่ที่ระดับต่ำของช่วงเป้าหมาย โดยได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อและราคายาฆ่าวัชพืชไกลโฟเสตที่ลดลง