ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (16 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนทั้งในยุโรปและสหรัฐ และการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าคาดของสหรัฐทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 464.70 จุด ลดลง 1.97 จุด หรือ -0.42%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,406.01 จุด ลดลง 12.20 จุด หรือ -0.16%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,897.93 จุด ลดลง 19.31 จุด หรือ -0.12% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,751.08 จุด ลดลง 26.62 จุด หรือ -0.34%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกได้รับผลกระทบมากที่สุด หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด
ตลาดยังถูกกดดันหลังบริษัทเอ็มเบรเซอร์ซึ่งเป็นบริษัทเกมของสวีเดนร่วงลง 15.9% หลังจากเตือนเกี่ยวกับผลประกอบการทั้งปี และบริษัทโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับการตกแต่งและซ่อมแซมบ้านของสหรัฐ ได้ปรับลดแนวโน้มยอดขายทั้งปีและคาดว่าผลกำไรจะลดลงกว่าคาด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐ รวมถึงการแสดงความเห็นในเชิงคุมเข้มนโยบายการเงินของผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์บ่งชี้ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 2 ครั้งหน้า ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 0.1% ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นและการส่งออกที่พุ่งขึ้นอย่างมากได้ช่วยหนุนยอดเกินดุลการค้าของยูโรโซน
หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง 0.9% หลังจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
หุ้นกลุ่มเทเลคอมร่วง 0.9% โดยเทเลคอม อิตาเลีย ร่วง 2.2% หลังจากที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับกระบวนการประมูลซื้อโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐานของเทเลคอม อิตาเลีย
หุ้นโวดาโฟนของอังกฤษ ร่วงลง 7.4% หลังเตือนว่ากระแสเงินสดของบริษัทจะลดลง 1.5 พันล้านยูโรในปีนี้ และมาร์เกริตา เดลลา วัลเล ซีอีโอของโวดาโฟนกล่าวว่า บริษัทจะปรับลดพนักงาน 11,000 ตำแหน่งในระยะ 3 ปี