ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (17 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากความวิตกที่ว่า สหรัฐจะสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้หรือไม่ รวมถึงการคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 463.98 จุด ลดลง 0.72 จุด หรือ -0.15%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,399.44 จุด ลดลง 6.57 จุด หรือ -0.09%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,951.30 จุด เพิ่มขึ้น 53.37 จุด หรือ +0.34% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,723.23 จุด ลดลง 27.85 จุด หรือ -0.36%
หุ้นกลุ่มปลอดภัยนำตลาดร่วงลง อาทิ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์
การซื้อขายยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวังตามตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐจะเจรจากับผู้นำสภาคองเกรสต่อไปในสัปดาห์นี้เพื่อปรับเพิ่มเพดานหนี้ โดยนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐยืนยันที่จะหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆ ในเดือนนี้ ขณะที่นักลงทุนประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของยุโรปและสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นธนาคารคอมเมิร์ซแบงก์ เอจีของเยอรมนี ร่วง 3.8% ในวันพุธ หลังจากการคาดการณ์รายได้สุทธิจากดอกเบี้ยสำหรับทั้งปีลดลงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
หุ้นยูโรเน็กซ์ ซึ่งดำเนินการด้านตลาดหลักทรัพย์ภาคพื้นยุโรป ร่วง 3.0% หลังรายงานรายได้ลดลงในไตรมาสแรก ขณะที่หุ้นลอนดอน สต็อก เอ็กเชนจ์ กรุ๊ป (LSEG) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการตลาดหุ้นลอนดอนร่วง 2.7% หลังกลุ่มนักลงทุนรวมถึงแบล็กสโตนและทอมสัน รอยเตอร์ ขายหุ้นใน LSEG คิดเป็นมูลค่า 2.7 พันล้านปอนด์ (3.41 พันล้านดอลลาร์)