ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (18 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ ขณะที่ดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 465.79 จุด เพิ่มขึ้น 1.81 จุด หรือ +0.39%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,446.89 จุด เพิ่มขึ้น 47.45 จุด หรือ +0.64%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,163.36 จุด เพิ่มขึ้น 212.06 จุด หรือ +1.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,742.30 จุด เพิ่มขึ้น 19.07 จุด หรือ +0.25%
ตลาดหุ้นเยอรมนีทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2535 ขณะที่ตลาดหุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ และตลาดหุ้นอิตาลีปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์
หุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดปรับตัวขึ้น
สื่อรายงานว่า นายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีความเชื่อมั่นว่าผู้เจรจาของสภาคองเกรสอาจบรรลุข้อตกลงเพื่อเพิ่มหรือระงับเพดานหนี้ได้ทันเวลาที่จะจัดการลงมติในสภาผู้แทนฯ ได้ในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรยังคงปรับตัวอยู่ในช่วงแคบ ๆ ในเดือนนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป และเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ข้อมูลบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของยูโรโซนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7% ในเดือนเม.ย. จากระดับ 6.9% ในเดือนมี.ค.
ตลาดคาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจากระดับ 3.25% สู่ระดับต่ำกว่า 3.75% เล็กน้อยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายบางรายระบุว่า การปรับขึ้นดังกล่าวอาจไม่เพียงพอ
สำหรับหุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้นนั้น หุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 3.2% จากแผนการที่จะยกเครื่องแบรนด์หลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทน