ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก หวังเจรจาเพดานหนี้สหรัฐคืบหน้า

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (19 พ.ค.) และตลาดหุ้นเยอรมนีแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า สหรัฐจะมีความคืบหน้าในการเจรจาเรื่องเพดานหนี้

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 468.85 จุด เพิ่มขึ้น 3.06 จุด หรือ +0.66%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,491.96 จุด เพิ่มขึ้น 45.07 จุด หรือ +0.61%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,275.38 จุด เพิ่มขึ้น 112.02 จุด หรือ +0.69% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,756.87 จุด เพิ่มขึ้น 14.57 จุด หรือ +0.19%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี โดยหุ้นกลุ่มการเงินนำตลาดปรับตัวขึ้น

การเจรจาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐดูเหมือนมีความคืบหน้า โดยผู้เจรจาของพรรคเดโมแครตระบุว่า มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องสำหรับข้อตกลงที่จะหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้นำการเจรจาของพรรครีพับลิกันกล่าวว่า การเจรจาได้หยุดชะงักลง ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลง

ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า แนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินเริ่มมีความไม่แน่นอน หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกมานานกว่า 1 ปีเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ย้ำถึงความจำเป็นที่ ECB ยังคงต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากการที่บรรดาบริษัทขนาดใหญ่เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาด แม้เผชิญกับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก, อุปสงค์ผู้บริโภคที่ลดลง และแรงกดดันด้านผลกำไร

หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ อาทิ เอเอ็มเอส และนอร์ดิก เซมิคอนดักเตอร์ ทะยานขึ้นมากกว่า 5%

บรรดานักลงทุนจะจับตาการเลือกตั้งของกรีซในวันอาทิตย์นี้ (21 พ.ค.) ขณะที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์จะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี โดยมีโอกาสที่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่อันดับขยะ (Junk)