ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันอังคาร (23 พ.ค.) เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้สหรัฐส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาด ขณะที่หุ้นเบอเบอร์รี่ร่วงลงตามหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราของยุโรป
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,762.95 จุด ลดลง 8.04 จุด หรือ -0.10%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงเป็นวันแรกหลังบวกติดต่อกัน 3 วัน ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ และผู้เจรจาจากทำเนียบขาวและสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรจะประชุมกันต่อไป
หุ้นเบอเบอร์รี่ กรุ๊ป ร่วงลง 3.1% ตามหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราอื่น ๆ ทั่วยุโรป เรื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอในสหรัฐหลังจากการพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรมร่วงลง 1.2% เนื่องจากราคาทองแดงปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวซบเซามาตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. โดยถูกกดดันจากปัจจัยลบต่าง ๆ อาทิ ผลประกอบการที่ไร้ทิศทางของบริษัทจดทะเบียนและปัญหาเรื่องเพดานนี้ของสหรัฐ
เอสแอนด์พี โกลบอล/ซีไอพีเอสเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นของอังกฤษลดลงสู่ระดับ 46.9 ในเดือนพ.ค. เทียบกับ 48.0 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และตัวเลขขั้นสุดท้ายที่ 47.8 ในเดือนเม.ย.
ขณะที่ ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นลดลงสู่ 55.1 ในเดือนพ.ค. เทียบกับตัวเลขขั้นสุดท้ายที่ 55.9 ในเดือนเม.ย.และ 55.5 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ส่วนดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นลดลงแตะ 53.9 ในเดือนพ.ค. จาก 54.9 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหนึ่งปี แต่ยังอยู่เหนือระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งบ่งชี้ว่าธุรกิจมีการขยายตัว
ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ไม่คาดว่าอังกฤษจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้
หุ้นกลุ่มค้าปลีก ร่วงลง 1.0% หลังแคนตาร์ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดเปิดเผยว่า เงินเฟ้อจากราคาของชำในประเทศลดลงเล็กน้อยเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนพ.ค.