ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (30 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน และนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของผลการลงมติข้อตกลงขยายเพดานหนี้ในรัฐสภาสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 456.63 จุด ลดลง 4.24 จุด หรือ -0.92%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,209.75 จุด ลดลง 94.06 จุด หรือ -1.29%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,908.91 จุด ลดลง 43.82 จุด หรือ -0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,522.07 จุด ลดลง 105.13 จุด หรือ -1.38%
ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มร่วงลงรายเดือนมากที่สุดในรอบปีนี้ แม้แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อต้นเดือนนี้ก็ตาม
บรรดานักลงทุนจับตาการลงมติข้อตกลงขยายเพดานหนี้จากระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ในสภาคองเกรสของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ก่อนถึงกำหนดเส้นตายใหม่วันที่ 5 มิ.ย. ซึ่งสหรัฐอาจผิดนัดชำระหนี้
ตลาดถูกกดดันหลังนายเกดิมินาส ซิมกุส ประธานธนาคารกลางของลิทัวเนียระบุว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.และก.ค. และระบุว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
ขณะเดียวกัน ECB เตือนว่า ธนาคารชั้นนำของยุโรปอาจได้รับผลกระทบ หากลูกค้าด้านการเงิน อาทิ กองทุน, บริษัทประกัน, และสำนักหักบัญชีถอนเงินฝากหรือประสบปัญหาทางการเงิน
ข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า การปล่อยกู้ของธนาคารในยูโรโซนชะลอลงอีกในเดือนเม.ย. ขณะที่เศรษฐกิจอ่อนแอลง และต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อความต้องการสินเชื่อ
หุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ร่วง 2.7% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วง 2% ตามการร่วงลงของราคาน้ำมัน
ส่วนหุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง อาทิ หุ้นเนสท์เล่ ร่วง 3.3% และหุ้นยูนิลีเวอร์ ร่วง 3%