ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (9 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันอังคารที่ 13 มิ.ย. และการลงมตินโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธที่ 14 มิ.ย.
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,876.78 จุด เพิ่มขึ้น 43.17 จุด หรือ +0.13%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,298.86 จุด เพิ่มขึ้น 4.93 จุด หรือ +0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,259.14 จุด เพิ่มขึ้น 20.62 จุด หรือ +0.16%
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.33%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.38% และดัชนี Nasdaq บวก 0.13% โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดลบ โดยกลุ่มวัสดุ, พลังงานและสาธารณูปโภคปรับตัวลง 0.82%, 0.58% และ 0.58% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวขึ้น 0.46% และ 0.44% ตามลำดับ
ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ของปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นเทสลาที่พุ่งขึ้น 4.06% และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 หลังเจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ตกลงที่จะใช้เครือข่ายซูเปอร์ชาร์จเจอร์ของเทสลา โดยหุ้น GM ปรับตัวขึ้น 1.06%
ดัชนี S&P500 เริ่มเข้าสู่ภาวะกระทิงครั้งใหม่ หลังปรับตัวขึ้น 20% แล้วจากระดับปิดต่ำสุดเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2565
การทะยานขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่, การเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน และการคาดการณ์ที่ว่าเฟดใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วนั้น ได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐในปีนี้ แม้มีความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและเงินเฟ้อที่ระดับสูงก็ตาม
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ แอปเปิ้ล, แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (AMD) และอินวิเดีย ปรับตัวขึ้นราว 0.22-3.20% หลังจากร่วงลงในช่วงต้นสัปดาห์นี้
เครื่องมือ Fedwatch tool ของ CMEGroup บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ว่า มีโอกาส 72% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันที่ 5-5.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้
นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูล CPI ของสหรัฐในวันอังคารที่ 13 มิ.ย. ซึ่งจะช่วยบ่งชี้ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด โดยบรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ว่า มีโอกาส 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนก.ค.
สำหรับหุ้นรายตัวอื่นๆ ที่ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ อาทิ หุ้นอะโดบี พุ่งขึ้น 3.41% หลังเวลส์ ฟาร์โก้ ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุน โดยระบุว่าอะโดบีจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการขยายตัวของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (generative AI)
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ อิงค์ พุ่งขึ้น 2.60% หลังรายงานว่า การสมัครสมาชิกเน็ตฟลิกซ์เพิ่มขึ้น หลังจากบริษัทจัดการกับการแชร์รหัสใช้งาน