ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (14 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ และการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 464.94 จุด เพิ่มขึ้น 1.67 จุด หรือ +0.36%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,328.53 จุด เพิ่มขึ้น 37.73 จุด หรือ +0.52%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,310.79 จุด เพิ่มขึ้น 80.11 จุด หรือ +0.49% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,602.74 จุด เพิ่มขึ้น 7.96 จุด หรือ +0.10%
หุ้นกลุ่มธนาคารที่มีแนวโน้มจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนั้น ปรับตัวขึ้น 1.1% นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มแบงก์ของอิตาลีและสเปน ปรับตัวขึ้น 0.9% และ 1.1% ตามลำดับ
ตลาดได้แรงหนุนจากเครื่องมือ FedWatch tool ของ CME ที่บ่งชี้ว่า ตลาดปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% และคาดว่ามีโอกาส 60% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่ลดลงเกินคาดในเดือนพ.ค. บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อชะลอตัวลงและช่วยตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หลังจากตลาดยุโรปปิดทำการแล้วนั้น เฟดประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยตามคาด
ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่นำตลาดพุ่งขึ้น 2.3% เนื่องจากราคาทองแดงปรับตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และการคาดการณ์ที่ว่าจีนซึ่งเป็นผู้ใช้ทองแดงรายใหญ่จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ข้อมูลบ่งชี้ว่าผลผลิตทางเศรษฐกิจของอังกฤษปรับตัวขึ้นตามคาดในเดือนเม.ย. โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มอุตสาหกรรมภาพยนตร์
ส่วนหุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นกริฟอลส์ (Grifols) พุ่ง 6.8% หลังเปิดเผยแผนที่จะลดการถือหุ้นในบริษัท Shanghai RAAS ด้วยการทำข้อตกลงที่จะสร้างรายได้ 1.5 พันล้านดอลลาร์