ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพฤหัสบดี (15 มิ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการที่ทำให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,408.06 จุด เพิ่มขึ้น 428.73 จุด หรือ +1.26%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,425.84 จุด เพิ่มขึ้น 53.25 จุด หรือ +1.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,782.82 จุด เพิ่มขึ้น 156.34 จุด หรือ +1.15%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟดในอนาคต และเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นแอปเปิ้ลและหุ้นไมโครซอฟท์ซึ่งต่างก็พุ่งทำนิวไฮ
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.1% โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าเป็นวงกว้างซึ่งรวมถึงรถยนต์ ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 262,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 มิ.ย. ซึ่งแม้ว่าไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ก็สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 249,000 ราย
ส่วนดัชนีราคานำเข้าเดือนพ.ค.ร่วงลง 5.9% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับในรอบ 3 ปี โดยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันอังคารว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้นเพียง 4.0% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี
รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Baird กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเงินเฟ้อที่มีการเปิดเผยในช่วงต้นสัปดาห์ และข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งมีการเปิดเผยหลังการประชุมเฟด นักลงทุนก็กลับมาซื้อหุ้นอย่างคึกคักและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรก็ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนไม่เชื่อในตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ที่เฟดเปิดเผยในการประชุมครั้งล่าสุดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 67% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ค. และจากนั้นจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนธ.ค.ปีนี้
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์พุ่งขึ้น 1.55% และหุ้นกลุ่มการสื่อสารพุ่งขึ้น 1.54% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดเพียง 0.34%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นขานรับแนวโน้มเฟดใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 1.12% หุ้นไมโครซอฟท์ ทะยานขึ้น 3.2% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 3.10% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.15%
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ลง 0.10% สู่ระดับ 2.65% เมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป และหุ้น JD.com ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3%