ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (21 มิ.ย.) เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หลังอังกฤษเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ไม่ได้แสดงสัญญาณการชะลอตัวลงในเดือนพ.ค.แต่อย่างใด และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 457.01 จุด ลดลง 2.31 จุด หรือ -0.50%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,260.97 จุด ลดลง 33.20 จุด หรือ -0.46%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,023.13 จุด ลดลง 88.19 จุด หรือ -0.55% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,559.18 จุด ลดลง 10.13 จุด หรือ -0.13%
นายพาวเวลแถลงต่อสภาสหรัฐว่า เฟดจะยังคงต้องต่อสู้กับเงินเฟ้อต่อไปอีกนาน และมีแนวโน้มที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แม้เฟดตรึงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ผ่านมาก็ตาม
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลง 1.6%
อังกฤษเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ระดับสูงถึง 8.7% ในเดือนพ.ค. ก่อนการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดีนี้ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 13 ติดต่อกัน
ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า การต่อสู้กับเงินเฟ้อของธนาคารกลางรายใหญ่ ๆ ยังไม่สิ้นสุดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีของรัฐบาลเยอรมนีพุ่งขึ้น แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) 2 รายระบุว่า เงินเฟ้อของยูโรโซนอยู่ในระดับสูง และอาจต้องกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไป
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ร่วงลง 1.6%
หุ้นกลุ่มบริษัทด้านไปรษณีย์และโลจิสติกร่วงลงเช่นกัน หลังเฟดเอ็กซ์ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งในสหรัฐรายงานผลกำไรรายไตรมาสลดลง โดยหุ้นดอยซ์ โพสต์ และหุ้นโพสต์เอ็นแอล ร่วง 2.6% และ 1.7% ตามลำดับ