ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (22 มิ.ย.) หลังปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินคาด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 454.70 จุด ลดลง 2.31 จุด หรือ -0.51%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,203.28 จุด ลดลง 57.69 จุด หรือ -0.79%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,988.16 จุด ลดลง 34.97 จุด หรือ -0.22% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,502.03 จุด ลดลง 57.15 จุด หรือ -0.76%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลง หลังร่วงลงมากถึง 1.3% ในการซื้อขายช่วงเช้า ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางรายใหญ่ หลังจาก BoE ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
BoE มีมติ 7-2 ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ในการประชุมวันพฤหัสบดี (22 มิ.ย.) ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25%
ขณะที่ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และธนาคารกลางนอร์เวย์ก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย ซึ่งตอกย้ำถึงความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก
ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อสภาสหรัฐเป็นวันที่ 2 ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่า เขาจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวลงสู่ระดับ 2%
ส่วนเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า เงินเฟ้อของยูโรโซนยังคงอยู่ในระดับสูงและ ECB อาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัว
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 1.9% โดยร่วงลงมากที่สุดในรอบเกือบ 1 เดือน, หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวลง 1.3% โดยลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน และหุ้นกลุ่มรถยนต์ ร่วง 1.2%
ส่วนหุ้นรายตัว อาทิ หุ้นดอยซ์ แบงก์ ร่วง 1.4% หลังมีรายงานว่าธนาคารกำลังวางแผนที่จะปรับลดพนักงานในเยอรมนีลง 10% จากทั้งหมด 17,000 คนในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้เพื่อประหยัดต้นทุน
ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มปิดลบในเดือนมิ.ย.โดยถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของจีน