ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันอังคาร (27 มิ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันเนื่องมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,926.74 จุด พุ่งขึ้น 212.03 จุด หรือ +0.63%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,378.41 จุด เพิ่มขึ้น 49.59 จุด หรือ +1.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,555.67 จุด เพิ่มขึ้น 219.89 จุด หรือ +1.65%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนพ.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 3 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.9%
ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 12.2% สู่ระดับ 763,000 ยูนิตในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 675,000 ยูนิต
ทางด้าน Conference Board เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 109.7 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 104.0 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเป็นการสำรวจมุมมองที่มีต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและในช่วง 6 เดือนข้างหน้า รวมทั้งสถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
มาร์ค ลูชินี นักวิเคราะห์จากบริษัท Janney Montgomery Scott กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเหล่านี้ทำให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นอีกครั้ง หลังจากที่เทขายหุ้นออกมาติดต่อกันหลายวัน โดยข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดี และไม่อยู่ในระดับที่ร้อนแรงเกินไป
ริส วิลเลียม นักวิเคราะห์จากบริษัท Spouting Rock Asset Management กล่าวว่า นอกเหนือจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งแล้ว ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเพื่อตกแต่งบัญชี (window-dressing) ก่อนที่จะสิ้นสุดไตรมาส 2
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 2.06% และดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.04% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลง 0.20%
สำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ รวมถึงหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 3.08% หุ้นอะเมซอน ดีดขึ้น 1.45% หุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 3.06% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.82% หุ้นแอปเปิ้ล ปรับตัวขึ้น 1.51%
หุ้นกลุ่มขนส่งได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยหุ้นเดลตา แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 6.84% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 5.08% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 5.54% หุ้นเฟดเอ็กซ์ พุ่งขึ้น 5.04%
หุ้นวอลกรีนส์ บู้ทส์ อัลลิอันซ์ ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านขายยาขนาดใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 9.3% หลังจากบริษัทปรับลดตัวเลขคาดการณ์กำไรต่อหุ้นประจำปี 2566 สู่ระดับ 4.00-4.05 ดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.45-4.65 ดอลลาร์ โดยได้รับผลกระทบจากการลดลงของปริมาณการฉีดวัคซีนโควิด-19 และยอดขายชุดตรวจโควิด-19
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการเสวนาว่าด้วยนโยบายการเงินของธนาคารกลาง ซึ่งธนาคารกลางยุโรป (ECB) จัดขึ้นที่เมืองซินตรา ประเทศโปรตุเกส ในวันพุธที่ 28 มิ.ย. และการเสวนาว่าด้วยเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งธนาคารกลางสเปนจัดขึ้นที่กรุงมาดริดในวันพฤหัสบดีที่ 29 มิ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2566, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนพ.ค. และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค.