ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (27 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มสินค้าหรูหรา เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า จีนจะดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ความเห็นในเชิงคุมเข้มนโยบายของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้จำกัดการปรับตัวขึ้นของตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 452.90 จุด เพิ่มขึ้น 0.22 จุด หรือ +0.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,215.58 จุด เพิ่มขึ้น 31.23 จุด หรือ +0.43%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,846.86 จุด เพิ่มขึ้น 33.80 จุด หรือ +0.21% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,461.46 จุด เพิ่มขึ้น 7.88 จุด หรือ +0.11%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกหลังติดลบ 6 วันติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการที่นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงของจีนเปิดเผยว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาส 2 จะสูงกว่าในไตรมาสแรก และคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ที่ราวระดับ 5%
ความเห็นดังกล่าวได้ช่วยหนุนตลาด หลังได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่น้อยกว่าคาดของจีน, ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองในรัสเซียหลังกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ก่อกบฏ และวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องทั่วโลก
นางลาการ์ดกล่าวว่า เงินเฟ้อของยูโรโซนได้เข้าสู่เฟสใหม่ซึ่งอาจดำเนินไปอีกระยะหนึ่ง และการต่อสู้กับเงินเฟ้อจะดำเนินต่อไปซึ่งอาจกระทบอุปสงค์และอาจทำให้ภาคธุรกิจต้องควบคุมราคา
หุ้นกลุ่มการเงินหนุนตลาดขึ้นมากที่สุด โดยหุ้นเอชเอสบีซีและพรูเดนเชียลที่ทำธุรกิจในจีน ปรับตัวขึ้น และหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา อาทิ หลุยส์วิตตอง และริชมอนด์ ปรับตัวขึ้นราว 0.6-1.2%
หุ้นซีเมนส์ เอเนอร์จี พุ่ง 2.3% หลังโกลด์แมน แซคส์ ยังคงแนะนำซื้อหุ้นตัวนี้
แต่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวลงสวนทางตลาด โดยติดลบในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาและลดลงเกือบ 2.9% แล้วในเดือนนี้