ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 461.93 จุด เพิ่มขึ้น 5.29 จุด หรือ +1.16% และปรับตัวขึ้น 0.9% ในไตรมาส 2 และปรับตัวขึ้น 8.7% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,400.06 จุด เพิ่มขึ้น 87.33 จุด หรือ +1.19%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,147.90 จุด เพิ่มขึ้น 201.18 จุด หรือ +1.26% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,531.53 จุด เพิ่มขึ้น 59.84 จุด หรือ +0.80%
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุน หลังการเปิดเผยข้อมูลขั้นต้นในวันศุกร์บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อในยูโรโซนลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนมิ.ย. แต่นักลงทุนก็ยังคงคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในเดือนก.ค.เป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกัน และอาจปรับขึ้นในเดือนก.ย.ด้วย
ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานของสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.3% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.4% ในเดือนเม.ย. แต่ก็ไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงจุดยืนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อสู้กับเงินเฟ้อหลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มธนาคารนำตลาดปรับตัวขึ้น โดยพุ่งขึ้น 6.6% ในไตรมาส 2
แต่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถ่วงตลาดลงมากที่สุดในไตรมาส 2 โดยร่วงลง 9.2% เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นผู้ใช้โลหะรายใหญ่ถ่วงราคาโลหะลงอย่างมาก
ส่วนในการซื้อขายในวันศุกร์นั้น หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 0.8% และ 1.2% ตามลำดับ โดยปรับตัวขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่กิจกรรมการผลิตที่ลดลงของจีนทำให้ตลาดคาดว่า จีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้น 1.7%
แต่หุ้นชิปปรับตัวลง หลังรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ออกกฎใหม่เพื่อจำกัดการส่งออกอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ที่ก้าวล้ำ โดยหุ้นเอเอสเอ็มแอล ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ที่สุดของยุโรป ลดลง 0.8%
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นอาดิดาส และหุ้นพูม่า พุ่งขึ้น 2.5% และ 3.3% ตามลำดับ