ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (5 ก.ค.) โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมเดือนมิ.ย.หลังปิดตลาด นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซนและจีน ทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 457.94 จุด ลดลง 3.36 จุด หรือ -0.73%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,310.81 จุด ลดลง 59.12 จุด หรือ -0.80%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,937.58 จุด ลดลง 101.59 จุด หรือ -0.63% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,442.10 จุด ลดลง 77.62 จุด หรือ -1.03%
ตลาดถูกกดดันจากการที่จีนเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมภาคบริการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 5 เดือนในเดือนมิ.ย. รวมถึงข้อมูลที่บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนลดลงสู่ระดับติดลบ โดยภาคบริการของฝรั่งเศสลดลงในเดือนมิ.ย.เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ปรับตัวลง 1.1% เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อราคาโลหะ ขณะที่หุ้นแอลวีเอ็มเอช ซึ่งเป็นบริษัทสินค้าหรูหราที่พึ่งพาตลาดจีน ปรับตัวลง 1.1% และหุ้นพรูเดนเชียลซึ่งพึ่งพาตลาดจีนเช่นเดียวกันนั้น ร่วงลง 3.9%
ซิตี้กรุ๊ปได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในปีนี้ โดยระบุถึงแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
นักลงทุนรอเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุดในเดือนมิ.ย.ซึ่งเฟดตรึงอัตราดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณว่าอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต
หุ้นกลุ่มประกัน ร่วงลง 1.9% หลังนายเจียนคาร์โล จิออร์เจตติ รัฐมนตรีเศรษฐกิจของอิตาลีแสดงความเห็นว่า จำเป็นต้องมีกฎระเบียบสำหรับอุตสาหกรรมประกันเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดวิกฤตซ้ำรอยบริษัทประกันชีวิตยูโรวิตาของอิตาลี
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลง 1.4% หลังหุ้นเอเอ็มเอส ออสแรม ผู้ผลิตเซนเซอร์ของสวิส ร่วง 13.5% ท่ามกลางความวิตกว่า การควบคุมการส่งออกแร่แกลเลียมของจีนอาจส่งผลกระทบทางลบต่อห่วงโซ่อุปทานของบริษัท
แต่หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวขึ้น 0.5% สวนทางตลาด เนื่องจากหุ้นวอลโว่ คาร์สของสวีเดน ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังรายงานยอดขายเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบเป็นรายปี