ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงในวันพฤหัสบดี (6 ก.ค.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขาย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 447.22 จุด ร่วงลง 10.72 จุด หรือ -2.34% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค.
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,082.29 จุด ร่วงลง 228.52 จุด หรือ -3.13%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,528.54 จุด ร่วงลง 409.04 จุด หรือ -2.57% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,280.50 จุด ร่วงลง 161.60 จุด หรือ -2.17%
ตลาดวิตกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น หลังผลสำรวจบ่งชี้ว่าการจ้างงานในภาคเอกชนของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนมิ.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งแม้มีความเสี่ยงมากขึ้นที่เศรษฐกิจจะถดถอยจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งบ่งชี้ว่า กรรมการเฟดเห็นพ้องที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.เพื่อซื้อเวลาและประเมินความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีของเยอรมนีสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ส่งผลกดดันตลาดด้วย
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลง 3.0% ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ร่วง 4.2%
บรรดานักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐเดินทางเยือนจีนเป็นครั้งแรก โดยมีแนวโน้มที่จะมุ่งปรับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน หลังจีนออกข้อจำกัดใหม่ในการส่งออกโลหะบางชนิด
ตลาดไม่ได้รับแรงหนุนจากการที่เยอรมนีเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค. เนื่องจากยอดสั่งซื้อเรือ, ยานอวกาศ และยานพาหนะทางทหารเพิ่มขึ้นอย่างมาก
หุ้นรายตัวที่ฉุดตลาดลง อาทิ หุ้นเอ็มเบรเซอร์ซึ่งผลิตวิดีโอเกมของสวีเดน ร่วงลง 13.8% หลังบริษัทเพิ่มทุนด้วยการออกหุ้นใหม่ให้กับนักลงทุนสถาบันมูลค่า 2 พันล้านโครนาสวีเดน (182 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)