ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันศุกร์ (7 ก.ค.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงปรับตัวขึ้นต่อไปอีกนาน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,256.94 จุด ลดลง 23.56 จุด หรือ -0.32% และร่วงลง 3.6% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 16 สัปดาห์
สหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง แต่การขยายตัวของค่าแรงยังคงดำเนินต่อไปซึ่งบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังตึงตัว และทำให้นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
นอกจากนี้ แนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแอจากจีนซึ่งเป็นผู้ใช้สินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ถ่วงตลาดลงด้วย
ฮาลิแฟกซ์ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้จำนองเปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษลดลงในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยลดลงมากที่สุดในรอบ 12 ปี และอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้นมีแนวโน้มที่จะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยอ่อนแอลงอีก
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ร่วงลง 0.4% และ 0.5% ตามลำดับ
ส่วนหุ้นโคคา โคลา พุ่งขึ้น 5.1% สวนทางตลาด หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรในปีนี้