ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นในวันพุธ (12 ก.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ลดลงซึ่งเพิ่มความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเหมืองแร่นำตลาดปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 458.54 จุด เพิ่มขึ้น 6.82 จุด หรือ +1.51%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,333.01 จุด เพิ่มขึ้น 113.00 จุด หรือ +1.57%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,023.00 จุด เพิ่มขึ้น 232.66 จุด หรือ +1.47% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,416.11 จุด เพิ่มขึ้น 133.59 จุด หรือ +1.83%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2564 หลังขยายตัว 4% ในเดือนพ.ค.
เงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวน ขยายตัว 4.8% ในเดือนมิ.ย. ชะลอลงจากที่ขยายตัว 5.3% ในเดือนพ.ค.
ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์ยังคงคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ค. นักวิเคราะห์กล่าวว่า เฟดอาจใกล้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง
ส่วนดัชนี CPI ของสเปน เพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนพ.ค.
หุ้นกลุ่มธนาคาร พุ่งขึ้น 1.9% ขานรับหุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษ หลังธนาคารกลางอังกฤษเปิดเผยว่า ธนาคารใหญ่สุดของอังกฤษ 8 แห่งมีเงินทุนเพียงพอในการรับมือกับภาวะวิกฤต
หุ้นลอยด์, บาร์เคลย์ส และเอชเอสบีซี พุ่งขึ้นราว 3% ขณะที่หุ้นเวอร์จิน มันนี พุ่ง 11.5%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 3.8% และเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด เนื่องจากราคาโลหะปรับตัวขึ้นหลังจากดอลลาร์อ่อนค่าลง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้แรงหนุนจากหุ้นของบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ อาทิ อิกซ์ตรอน, เอเอสเอ็ม อินเตอร์เนชันแนล และอินฟิเนียน พุ่งขึ้น 4-6.5% หลังบริษัทเจฟฟรีส์ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นดังกล่าว